“ฉลากสินค้า” เป็นมากกว่าสติ๊กเกอร์บนบรรจุภัณฑ์ เพราะทำหน้าที่เป็นหน้าตาของแบรนด์ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าและผู้บริโภคได้เป็นอย่างมาก
ซึ่งข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมีนั้นสามารถช่วยถ่ายทอดข้อมูลสำคัญให้กับผู้บริโภค และช่วยสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในท้องตลาด อีกทั้งฉลากสินค้าที่ออกแบบมาอย่างดีสามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ
แต่สิ่งสำคัญคือต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและมีประโยชน์ต่อผู้บริโภค วันนี้เราเลยได้นำบทความดีๆ เกี่ยวกับฉลากสินค้ามาฝากกัน ไปดูกันสิว่า ข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมี ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมี ได้แก่อะไรบ้าง
ข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมีนั้นถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค โดยต้องมีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้เกิดการรับรู้และสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้อย่างมั่นใจ
ทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพ ซึ่งข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมี มีดังต่อไปนี้
1.ชื่อผลิตภัณฑ์และตราสินค้า
สิ่งแรกสำหรับข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมี นั่นก็คือชื่อผลิตภัณฑ์และตราสินค้า ซึ่งเป็นข้อมูลสองส่วนที่สำคัญที่สุดบนฉลากผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้บริโภคได้รู้จักผลิตภัณฑ์และเกิดการเชื่อมโยงกับแบรนด์
โดยชื่อผลิตภัณฑ์ควรมีความชัดเจน สื่อความหมาย และอ่านง่าย ในขณะที่ชื่อแบรนด์ควรแสดงให้เด่นชัดและจดจำได้ง่าย หากแบรนด์ของคุณมีโลโก้ ควรมีโลโก้นั้นอยู่บนฉลากด้วย
2.คำอธิบายสินค้า
ฉลากสินค้าที่ดีควรมีคำอธิบายสินค้าด้วย ซึ่งคำอธิบายนี้ควรชัดเจนและกระชับ และควรอธิบายว่าผลิตภัณฑ์คืออะไร ทำหน้าที่อะไร นอกจากนี้ยังควรเน้นคุณลักษณะเฉพาะหรือประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้
3.ส่วนผสม
ผู้บริโภคมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่ามีอะไรอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาซื้อ โดยควรระบุส่วนผสมของวัตถุดิบต่างๆ ไว้บนฉลากสินค้า ซึ่งข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารและของใช้ส่วนตัว
ซึ่งส่วนผสมบางอย่างอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ โดยควรระบุส่วนผสมตามลำดับปริมาณน้ำหนัก พร้อมกับระบุสารก่อภูมิแพ้ให้ชัดเจน
4.ปริมาณสุทธิ
ข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมี ควรระบุปริมาณสุทธิของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจนบนฉลาก ข้อมูลนี้จะบอกผู้บริโภคว่าพวกเขาได้รับผลิตภัณฑ์มากน้อยเพียงใด และสามารถช่วยให้พวกเขาเปรียบเทียบราคาและมูลค่าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้
โดยสำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ปริมาณสุทธิควรแสดงเป็นน้ำหนัก ปริมาตร หรือจำนวนหน่วย
5.ข้อมูลผู้ผลิต
ผู้บริโภคต้องการทราบว่าใครเป็นผู้ผลิตสินค้าที่พวกเขาซื้อ และฉลากสินค้าที่ดีควรมีชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต ข้อมูลนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจและเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถติดต่อผู้ผลิตได้ง่ายขึ้นหากมีคำถามหรือข้อกังวลใดๆ
6.ข้อมูลความปลอดภัยและการใช้งาน
ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจมีคำเตือนด้านความปลอดภัย หรือมีคำแนะนำในการใช้งานเฉพาะ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมี
ยกตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด จะมีคำเตือนผู้บริโภคไม่ให้กลืนกินผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอาจมีคำแนะนำในการใช้งาน
ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และยังสามารถปกป้องผู้ผลิตจากความรับผิด หากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นจากผู้บริโภค
7.ข้อมูลทางโภชนาการ
สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร สิ่งสำคัญคือต้องระบุข้อมูลทางโภชนาการไว้บนฉลากสินค้า ซึ่งข้อมูลนี้สามารถช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้อย่างมีถูกต้องเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากิน และอาจมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แพ้อาหาร หรือมีความต้องการอาหารบางอย่างโดยเฉพาะ
โดยข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมีสำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ควรประกอบด้วยจำนวนแคลอรี่ ปริมาณสุทธิ และปริมาณสารอาหารหลัก เช่น ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน รวมถึง แร่ธาตุและวิตามินต่างๆ เป็นต้น
8.การรับรองและการอ้างสิทธิ์
การรับรองและการอ้างสิทธิ์ต่างๆ เช่น “ออร์แกนิก” หรือ “ไม่ใช่จีเอ็มโอ” สามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของคุณแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาด
หากผลิตภัณฑ์ของคุณมีใบรับรองหรือคำกล่าวอ้างใดๆ ควรระบุไว้อย่างชัดเจนบนฉลาก และสนับสนุนโดยเอกสารประกอบที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจของผู้บริโภคและเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี
9.บาร์โค้ดและข้อมูลการติดตาม
บาร์โค้ดและข้อมูลการติดตาม เช่น หมายเลขบาร์โค้ด หรือ QR CODE ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและติดตามสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด
เช่น เพื่อติดตามการขายผลิตภัณฑ์หรือเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ โปรโมชั่น ช่องทางออนไลน์ และช่องทางการติดต่ออื่นๆ ของผลิตภัณฑ์และแบรนด์
10.ข้อกำหนดทางกฎหมาย
เพื่อให้แน่ใจว่าฉลากสินค้าเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลที่หน่วยงานรัฐบาลกำหนด เช่น FDA หรือ USDA รวมถึงข้อกำหนดเฉพาะของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎหมายการติดฉลากสินค้า เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับขนาด ตัวอักษร ตำแหน่ง และสี ซึ่งการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายอาจส่งผลให้เกิดค่าปรับ การเรียกคืนผลิตภัณฑ์ และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์ของคุณ
จะเห็นได้ว่า ข้อมูลที่ฉลากสินค้าที่ดีต้องมีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้บริโภค ซึ่งฉลากสินค้าที่สามารถสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นและน่าสนใจและส่งผลต่อยอดขายได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ หากใครสนใจสั่งพิมพ์สติ๊กเกอร์ สติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า สติ๊กเกอร์ติดขวด สติ๊กเกอร์กั้นน้ำ สติ๊กเกอร์ไดคัท หรือสติ๊กเกอร์ประเภทอื่นๆ สามารถติดต่อกับเราได้ที่ 094-364-6396 หรือแอดไลน์มาพูดคุยสอบถามข้อมูลกับเราเพิ่มเติมเพียง คลิกที่นี่