7 เหตุผลที่ควรเลือกใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก 1.มิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2.แฟชั่นและปรับแต่งได้ 3.สร้างภาพลักษณ์ที่ดี 4.ส่งเสริมการขาย 5.รีไซเคิลง่าย ย่อยสลายเร็ว 6.ช่วยลดมลพิษ 7.สร้างภาพลักษณ์ที่ดี
ถุงกระดาษและถุงพลาสติกเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปริมาณการใช้ถุงพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งก่อให้เกิดขยะพลาสติกจำนวนมาก หลายประเทศจึงหันมาสนับสนุนการใช้ถุงกระดาษเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บทความที่เกี่ยวข้อง
7 เหตุผลหลักที่จะทำให้คุณหันมาเลือกใช้ถุงกระดาษ
7 เหตุผลหลักที่ทำให้คุณควรเลือกใช้ถุงกระดาษ ได้แก่

1.มิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ถุงกระดาษย่อยสลายได้โดยแบคทีเรียในธรรมชาติเพียงไม่กี่เดือน ต่างจากถุงพลาสติกที่ใช้เวลาย่อยสลายหลายร้อยปี ถุงกระดาษยังรีไซเคิลได้ 100% โดยไม่ปล่อยสารพิษเหมือนกระบวนการรีไซเคิลถุงพลาสติก การเลิกใช้ถุงพลาสติกและหันมาใช้ถุงกระดาษจึงช่วยลดมลพิษ และปกป้องสัตว์ทะเล เช่น เต่าและวาฬ ไม่ให้ได้รับอันตรายจากการกินขยะพลาสติก
นอกจากนี้ ถุงกระดาษน้ำตาลยังมีกระบวนการผลิตที่ใช้พลังงานน้อยกว่าเมื่อเทียบกับถุงพลาสติก ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน
ข้อมูลน่าสนใจ: จากการศึกษาพบว่า การเปลี่ยนจากถุงพลาสติกมาใช้ถุงกระดาษเพียง 1 ใบต่อวัน สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 22 กิโลกรัมต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ใหม่ 1 ต้น!
2.แฟชั่นและปรับแต่งได้
แบรนด์ชื่อดังนิยมใช้ถุงกระดาษเพราะออกแบบให้สวยงาม พิมพ์โลโก้ได้ ให้ความรู้สึกหรูหรา และเป็นการโฆษณาแบรนด์ไปในตัวเมื่อลูกค้านำถุงกลับมาใช้ซ้ำ การปรับแต่งถุงกระดาษทำได้ง่ายด้วย เช่น การพิมพ์ลายหรือวาดรูปบนถุง ทำให้ถุงกระดาษมีสไตล์เป็นของตัวเอง ต่างจากถุงพลาสติกที่ปรับแต่งได้ยาก
และการตกแต่ง ทำให้สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของธุรกิจแต่ละประเภทได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นถุงกระดาษใบใหญ่สำหรับสินค้าขนาดใหญ่ หรือถุงกระดาษ A4 สำหรับเอกสารและสินค้าขนาดเล็ก ตัวอย่างเช่น
- ถุงกระดาษสีแดงเหมาะสำหรับเทศกาลตรุษจีนหรือวาเลนไทน์ ในขณะที่ถุงกระดาษสีขาวดูสะอาดและเป็นทางการ เหมาะสำหรับงานแต่งงานหรือสินค้าเครื่องสำอาง ส่วนถุงกระดาษคริสต์มาสก็มีลวดลายและสีสันสดใสเหมาะกับเทศกาลแห่งความสุข
- ถุงกระดาษการ์ตูนได้รับความนิยมอย่างมากในร้านค้าที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นเด็กและเยาวชน โดยสามารถพิมพ์ลายการ์ตูนน่ารักๆ หรือตัวละครที่กำลังเป็นที่นิยม ช่วยดึงดูดความสนใจและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
3.ภาพลักษณ์ที่ดี
การใช้ถุงกระดาษสื่อถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์และผู้ใช้ ซึ่งสอดคล้องกับกระแสรักษ์โลกที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น ช่วยสร้างภาพลักษณ์และมูลค่าเพิ่มให้แบรนด์ได้
แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกเลือกใช้ถุงกระดาษเพราะไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังดูหรูหรา มีคุณค่า และสื่อถึงความใส่ใจในรายละเอียด ถุงกระดาษ ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Paper Bag” กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์หรูหลายแบรนด์ เช่น Gucci, Louis Vuitton และ Hermes ที่ใช้ถุงกระดาษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ถุงกระดาษพิมพ์โลโก้เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง เนื่องจากผู้บริโภคมักนำถุงกระดาษกลับไปใช้ซ้ำ ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะถุงกระดาษสวยๆที่ออกแบบมาอย่างดี ผู้บริโภคมักเก็บไว้ใช้นานกว่าถุงพลาสติกธรรมดา
4.มีความคุ้มค่าในระยะยาว และส่งเสริมการขาย
แบรนด์สามารถใช้ถุงกระดาษเป็นของสมนาคุณ สะสมยอดซื้อเพื่อแลกถุง หรือทำโปรโมชั่นอื่นๆได้ ช่วยกระตุ้นยอดขายและสร้างความผูกพันกับลูกค้า
แม้ว่าถุงกระดาษ ราคาอาจสูงกว่าถุงพลาสติกในตอนแรก แต่เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ในระยะยาว จะพบว่าถุงกระดาษมีความคุ้มค่ามากกว่า เนื่องจาก
- ลูกค้าเต็มใจจ่ายมากขึ้น: ผู้บริโภคยุคใหม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 10-15% สำหรับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ: ธุรกิจที่ใช้ถุงกระดาษสามารถลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะได้ เนื่องจากถุงกระดาษสามารถรีไซเคิลได้ง่ายกว่า
- หลีกเลี่ยงค่าปรับและภาษีพลาสติก: หลายประเทศเริ่มเก็บภาษีพลาสติกหรือห้ามใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การเปลี่ยนมาใช้ถุงกระดาษจึงช่วยหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเหล่านี้
- เพิ่มโอกาสทางการตลาด: ถุงกระดาษสวยๆสามารถเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด เช่น การขายถุงกระดาษใส่ของขวัญในช่วงเทศกาล หรือการทำถุงกระดาษ DIY เวิร์คช็อปสำหรับลูกค้า
ตัวอย่างความสำเร็จ: ร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่งออกแบบถุงชากระดาษพิเศษที่สามารถนำไปใช้เป็นที่กรองกาแฟได้ สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 22% ในช่วง 3 เดือนแรกของแคมเปญ และยังช่วยลดต้นทุนการผลิตถุงใส่สินค้าแบบปกติลงได้อีกด้วย
5.รีไซเคิลง่าย ย่อยสลายเร็ว
ถุงกระดาษใช้เวลารีไซเคิลน้อยกว่าและย่อยสลายได้เร็วกว่าถุงพลาสติกมาก โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการย่อยสลายในดิน เมื่อเทียบกับถุงพลาสติกที่ต้องใช้เวลาหลายร้อยปี และหากทำปุ๋ยหมักในถุงกระดาษ ก็สามารถนำถุงพร้อมปุ๋ยไปฝังในดินได้เลย แต่ถ้าใช้ถุงพลาสติกจะทำให้ดินปนเปื้อนสารพิษ
ถุงกระดาษสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% โดยไม่สูญเสียคุณภาพมากนัก และสามารถรีไซเคิลได้ถึง 5-7 ครั้ง ก่อนที่เส้นใยกระดาษจะสั้นเกินไปจนไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก ในขณะที่ถุงพลาสติกมีอัตราการรีไซเคิลต่ำกว่ามาก และมักสูญเสียคุณภาพอย่างมากในกระบวนการรีไซเคิล
การใช้ถุงกระดาษจึงเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน ถุงกระดาษที่ใช้แล้วสามารถถูกเก็บรวบรวม นำกลับมาแปรรูป และกลับมาเป็นถุงกระดาษใหม่ได้อีกครั้ง ช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดปริมาณขยะ
ข้อควรรู้: ถุงกระดาษที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล 100% ช่วยลดการตัดต้นไม้ได้ 17 ต้นต่อตันของกระดาษที่ผลิต และช่วยประหยัดพลังงานในการผลิตได้ถึง 64% เมื่อเทียบกับการผลิตกระดาษใหม่!
6.ช่วยลดมลพิษในทะเลและปกป้องระบบนิเวศทางทะเล
หนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือขยะพลาสติกในมหาสมุทร ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสัตว์ทะเลและระบบนิเวศทางทะเล การเปลี่ยนมาใช้ถุงกระดาษเป็นการช่วยลดปัญหานี้อย่างตรงจุด
เมื่อถุงกระดาษหลุดรอดไปสู่ทะเล พวกมันจะย่อยสลายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งสารพิษหรือไมโครพลาสติกที่เป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเล ต่างจากถุงพลาสติกที่แตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ และคงอยู่ในระบบนิเวศเป็นเวลานาน ทำให้สัตว์ทะเลเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาหารและกินเข้าไป
นอกจากนี้ ถุงกระดาษซิปล็อคที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับอาหารและสินค้าที่ต้องการการปกป้อง ยังสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติเช่นกัน เป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับการบรรจุสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยแต่ยังคงรักษาสิ่งแวดล้อม
7.มีความแข็งแรงทนทานและเหมาะกับการใช้งานหลากหลาย
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าถุงกระดาษไม่แข็งแรงเท่าถุงพลาสติก แต่ความจริงแล้วถุงกระดาษสมัยใหม่มีความแข็งแรงทนทานไม่แพ้กัน โดยเฉพาะถุงกระดาษคราฟท์ที่มีความแข็งแรงสูง สามารถรับน้ำหนักได้ดี และทนต่อการฉีกขาดได้ดีกว่าถุงกระดาษประเภทอื่น
ถุงกระดาษใบใหญ่สามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 10-15 กิโลกรัม เหมาะสำหรับใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีก หรือร้านอาหารที่ต้องการบรรจุสินค้าจำนวนมาก ในขณะที่ถุงกระดาษ หูหิ้วก็ออกแบบมาให้สามารถถือได้อย่างสะดวกสบายแม้จะบรรจุของหนัก
ถุงกระดาษสวยๆยังสามารถใช้งานซ้ำได้หลายครั้ง ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว หลายแบรนด์หรูหราเลือกใช้ถุงกระดาษแบรนด์ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำกลับไปใช้ซ้ำได้หลายครั้ง เป็นการโฆษณาแบรนด์ไปในตัว
เกร็ดความรู้: ถุงกระดาษคราฟท์ที่มีความหนา 120 แกรม สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าถุงพลาสติกทั่วไปถึง 2 เท่า!
3 วัสดุที่นิยมใช้ผลิตถุงกระดาษ
1.กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card Paper)
เป็นกระดาษที่มีเนื้อละเอียด ผิวเรียบมัน ทำจากเยื่อไม้คุณภาพดี เคลือบผิวด้วยแป้งหรือสารเคมีให้มีความมันวาว มีทั้งผิวมันและผิวด้าน มีความหนาตั้งแต่ 150-310 แกรม
ข้อดีของกระดาษอาร์ตการ์ด
- พิมพ์สีได้คมชัด สวยงาม เหมาะสำหรับงานกราฟิกดีไซน์
- มีความแข็งแรง คงรูป ไม่ยับง่าย
- ผิวมันทำให้รู้สึกหรูหรา ดูมีรสนิยม
- เหมาะสำหรับถุงที่ต้องการความสวยงามและความแข็งแรงปานกลาง
- กระดาษอาร์ตการ์ดจึงนิยมนำมาผลิตเป็น
- ถุงช้อปปิ้งแบรนด์เนม เพื่อโฆษณาแบรนด์
- ถุงใส่ของขวัญ กิ๊ฟช็อป สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง
- ถุงจากร้านอาหาร ร้านขนม เบเกอรี่ คาเฟ่
- ถุงใส่เอกสารจากสถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน
2.กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)
เป็นกระดาษที่ทำจากเยื่อไม้ เช่น ไม้สน ไม้ยูคาลิปตัส โดยนำเยื่อไม้มาผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์ด้วยสารเคมี เช่น โซเดียมซัลเฟต ทำให้มีสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติ มีความหนาประมาณ 40-135 แกรม
ข้อดีของกระดาษคราฟท์
- มีความแข็งแรง ทนทาน เหนียว ทนต่อแรงดึงและแรงฉีกขาดได้ดี
- มีความยืดหยุ่น ปรับรูปทรงได้ง่าย เหมาะสำหรับงานพับ งานประกอบ
- มีเนื้อหยาบ ไม่ลื่น จับถนัดมือ แม้ใส่ของหนักก็ไม่ขาดง่าย
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้เร็ว และรีไซเคิลง่าย
- ราคาถูกกว่ากระดาษชนิดอื่นๆ
- กระดาษคราฟท์จึงนิยมนำมาผลิตเป็น
- ถุงช้อปปิ้งสำหรับห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ
- ถุงใส่อาหาร เบเกอรี่ ขนม เฟรนช์ฟรายส์
- ถุงใส่ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องปรุงธรรมชาติ อาหารออร์แกนิก
- ถุงของขวัญ ถุงใส่เสื้อผ้า รองเท้า
- ถุงใส่ปุ๋ย ถุงใส่พืชผลทางการเกษตร
3.กระดาษปอนด์ (Bond Paper)
เป็นกระดาษที่ทำจากเยื่อไม้ ฟางข้าว หรือปอ โดยนำเยื่อมาผสมให้เข้ากัน ผ่านการฟอกขาวด้วยคลอรีน และเติมสารเคมีเพื่อปรับปรุงคุณภาพ เช่น เพิ่มความขาว ความทึบแสง ความเรียบ มีความหนาประมาณ 80-120 แกรม
ข้อดีของกระดาษปอนด์
- มีผิวเรียบ ทึบแสง สีขาวสว่าง เหมาะสำหรับงานพิมพ์
- มีความแข็งแรงปานกลาง ทนต่อการปรับรูปทรงได้ดี
- มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก ไม่เปลืองพื้นที่
- ให้ความรู้สึกสะอาด สดใส ดูเป็นทางการ
- ราคาปานกลาง ถูกกว่ากระดาษอาร์ต แต่แพงกว่ากระดาษคราฟท์
- กระดาษปอนด์จึงนิยมนำมาผลิตเป็น
- ถุงใส่เอกสาร ใบประกาศนียบัตร ใบปลิว นามบัตร
- ถุงใส่หนังสือ อุปกรณ์การเรียน ของชำร่วย
- ถุงขนมปัง ถุงชา กาแฟ
- ถุงจากร้านเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย
สรุป
การเลิกใช้ถุงพลาสติกและหันมาใช้ถุงกระดาษแทน นอกจากจะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดขยะพลาสติก ยังเป็นทางเลือกที่หรูหรามีสไตล์ ปรับแต่งได้ ทนทาน และยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์และผู้ใช้อีกด้วย การใช้ถุงกระดาษจึงเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยสร้างโลกที่ยั่งยืนขึ้น
หากต้องการถุงกระดาษสำหรับธุรกิจหรือใช้งานส่วนตัว สามารถใช้บริการออกแบบและสั่งผลิตถุงกระดาษได้จาก โรงพิมพ์ถุงกระดาษ ซึ่งให้บริการครบวงจรตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ จนถึงผลิตและจัดส่ง โดยมีถุงกระดาษให้เลือกหลากหลายทั้งขนาด รูปแบบ วัสดุ และการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น ถุงกระดาษคราฟท์ ถุงกระดาษอาร์ต ถุงกระดาษรีไซเคิล ถุงกระดาษพิมพ์ลาย สกรีนโลโก้ เคลือบมัน ฯลฯ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 094-364-6396 Line : @royalpaper
คำถามที่พบบ่อย
1.ถุงกระดาษรีไซเคิลมีข้อดีอย่างไร?
ตอบ: ถุงกระดาษที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลมีข้อดีหลายประการ เช่น ช่วยลดการตัดต้นไม้ ประหยัดพลังงานในการผลิต ลดปริมาณขยะในหลุมฝังกลบ และยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าถุงกระดาษที่ผลิตจากเยื่อกระดาษใหม่
นอกจากนี้ ถุงกระดาษรีไซเคิลยังสื่อถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากมักมีสีและลักษณะที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น ถุงกระดาษน้ำตาลที่มีลักษณะคล้ายถุงกระดาษคราฟท์ แต่อาจมีความเข้มของสีที่แตกต่างกันเล็กน้อย
ถุงกระดาษรีไซเคิลสามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้อีก ทำให้เกิดวงจรการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
2.ถุงกระดาษเหมาะกับการบรรจุอาหารหรือไม่?
ตอบ: ถุงกระดาษใส่อาหารที่ผลิตจากกระดาษเกรดอาหาร (Food Grade) เหมาะสมสำหรับการบรรจุอาหารหลายประเภท เนื่องจากไม่มีสารเคมีอันตรายที่อาจปนเปื้อนในอาหาร มีความสามารถในการระบายอากาศ และมีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและน้ำมัน
-ถุงกระดาษคราฟท์เหมาะสำหรับอาหารแห้ง เช่น ขนมปัง เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว
-ถุงชากระดาษออกแบบมาเฉพาะสำหรับบรรจุชาและสมุนไพรแห้ง
-ถุงกระดาษซิปล็อคที่มีการเคลือบด้านในด้วยวัสดุกันซึม เหมาะสำหรับอาหารที่มีความชื้นหรือน้ำมันเล็กน้อย
3.วิธีเลือกถุงกระดาษให้เหมาะกับแบรนด์ของเรา?
ตอบ: การเลือกถุงกระดาษให้เหมาะกับแบรนด์ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1.เอกลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์: แบรนด์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและความยั่งยืนอาจเลือกถุงกระดาษคราฟท์ ในขณะที่แบรนด์หรูหราอาจเลือกถุงกระดาษสีขาวหรือถุงกระดาษสีดำที่ดูมีระดับ
2.ประเภทของสินค้า: สินค้าที่มีน้ำหนักมากควรใช้ถุงกระดาษที่แข็งแรง เช่น ถุงกระดาษคราฟท์ความหนา 120 แกรมขึ้นไป สินค้าขนาดเล็กอาจใช้ถุงกระดาษ A4 หรือขนาดที่เหมาะสม
3.กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นอาจชอบถุงกระดาษการ์ตูนหรือถุงกระดาษลายสีสันสดใส ในขณะที่กลุ่มลูกค้าวัยทำงานอาจชอบถุงกระดาษที่ดูเรียบหรูและมีสไตล์
4.งบประมาณ: ถุงกระดาษ ราคาแตกต่างกันตามวัสดุ ขนาด และการตกแต่ง ควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความคุ้มค่าในระยะยาว
5.วัตถุประสงค์การใช้งาน: หากต้องการให้ลูกค้านำถุงกระดาษกลับไปใช้ซ้ำ ควรเลือกถุงกระดาษที่แข็งแรงและมีดีไซน์สวยงาม หากต้องการเน้นการโฆษณา ควรเลือกถุงกระดาษพิมพ์โลโก้ที่โดดเด่น
6.ฤดูกาลและเทศกาล: พิจารณาออกแบบถุงกระดาษพิเศษตามฤดูกาลหรือเทศกาล เช่น ถุงกระดาษคริสต์มาส หรือถุงกระดาษสีแดงสำหรับเทศกาลตรุษจีน
7.ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม: แบรนด์ที่เน้นความยั่งยืนควรเลือกถุงกระดาษรีไซเคิลหรือถุงกระดาษที่ย่อยสลายได้เร็ว